วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ สาวป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE ทำอนาคตดับวูบ โรครุม เวลากำเริบหนักทำงานไม่ได้ ต้องเข้า รพ. ถึงขั้นเกือบเสียชีวิต พ่อ-แม่ก็มาด่วนจากไป ต้องสู้ชีวิตเพียงลำพัง ไร้เงินรักษา ชีวิตสุดแสนลำบาก
วันที่ 5 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ บ้านเลขที่ 914/1 ถ.พระราม 2 ซอย 60 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. 10150 หลังมีพลเมืองดีแจ้งว่า มีผู้ป่วยด้วยโรค SLE หรือ โรคแพ้ภูมิตัวเอง ต้องต่อสู้ชีวิตด้วยความยากลำบากเพียงลำพัง จากการลงพื้นที่ ได้พบ นางสาวชลลดา ใจบุญ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยอยู่เพียงลำพัง ในบ้าน สอบถามทราบว่า นางสาวชลลดา ป่วยเป็นโรคเอสแอลอี มาเกือบ 7 ปี แล้ว ขณะนี้ อาการยังคงทรุดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากร่างกายอ่อนแอ และเป็นผลข้างเคียงจากยาที่ต้องกินยาเป็นเวลานาน
โดยโรคที่เป็นอยู่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับ นางสาวชลลดา อย่างมาก เพราะอาการกำเริบได้ตลอดเวลา กับอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย และไม่สามารถคาดเดาได้ว่า อาการจะกำเริบเมื่อใด อาการมีตั้งแต่ มีผื่นขึ้นตามตัว หน้ามืด หายใจไม่ออก อาเจียน ไปจนถึงขั้นรุนแรงที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา อาการกำเริบหนักต้องเข้ารับการรักษาที่ รพ.บางปะกอก 3 และ รพ.บางปะกอก 9 ในการเข้ารักษาครั้งนั้น ก็มีอาการน้ำท่วมปอดจนถึงขั้นวิกฤติ จนเกือบเสียชีวิต
อาการผื่นเหอขึ้นเต็มหน้า และมีอาการอื่นๆติดตามมาอีกมาก โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE
นางสาวชลลดา เล่าด้วยน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจมากที่ต้องมาเป็นโรคดังกล่าว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอกำลังมีอนาคตที่สดใส เพราะในวัยเด็กแม้มีฐานะยากจนแต่ก็ตั้งใจเรียนจนจบปริญญาตรีจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งเธอหวังว่า จะใช้ความรู้หางานที่ดีทำเพื่อเป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะ แม่ป่วยเป็นมะเร็ง แต่หลังจากเรียนจบได้ไม่นานก็พบว่า ตนเองป่วยเป็นโรค SLE จากนั้นไม่นาน แม่เกิดป่วยจนอาการทรุดหนักและเสียชีวิต จึงทำให้เธอต้องต่อสู้ชีวิตเพียงลำพัง กับหนี้เงินกู้เรียน กยศ. และเงินที่ต้องยืมมารักษาแม่ช่วงที่ป่วยหนัก
ภาพขณะที่อาการป่วย ยังไม่ลุกลาม
จนขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่า จะเอาปัญญาที่ไหนมาทำงานใช้หนี้ เพราะตนเองก็ไม่สามารถทำงานได้ ส่วนพ่อที่แยกทางกับแม่ตั้งแต่เธอยังเด็ก ล่าสุดเธอได้รับข่าวร้ายว่า พ่อเพิ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้ การใช้ชีวิตของเธอขณะนี้จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจาก มีอาการภาวะแทรกซ้อนจากน้ำท่วมปอด ทำให้โรคกำเริบ เกิดภาวะไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง และลิ้นหัวใจรั่ว ทำให้ไม่สามารถออกไปประกอบอาชีพหารายได้เลี้ยงตัวเองได้ โดยก่อนหน้านี้ เธอต้องลาออกจากงาน และพยายามหางานจากอินเทอร์เน็ตที่พอทำได้ มาทำที่บ้าน แต่รายได้ก็ไม่พอที่จะนำมารักษาตนเอง แม้ภายนอกคนทั่วไปอาจมองว่า เธอมีอวัยวะครบ 32 แต่คนที่เข้าใจจะรู้ว่าโรค SLE เป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้หายได้ ต้องรักษาแบบประคับประคองอาการไปตลอด การตากแดด ถูกลมแรงๆ ทำงานหนัก หรือกิจกรรมใดๆ ก็มีส่วนทำให้อาการกำเริบได้ตลอดเวลา และบางครั้งขนาดยังไม่ได้ออกแรงหรือทำกิจกรรมหนักๆ เธอก็ยังรู้สึกเวียนหัว และหายใจไม่ออกอยู่บ่อยๆ เธอจึงรู้สึกว่า เธอมีชีวิตอยู่อย่างไม่ต่างจากคนพิการ แต่คนพิการยังดีกว่าเธอตรงที่มีเบี้ยยังชีพ และบางรายก็สามารถทำงานหาเลี้ยงชีวิตได้
วอน ผู้ใจบุญให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากอยู่เพียงตัวคนเดียว พ่อและแม่เสียชีวิตแล้ว
นางสาวชลลดา จึงวอนขอให้หน่วยงานภาครัฐ หรือผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากไร้ที่พึ่ง สิทธิประกันสังคมก็กำลังถูกยกเลิกเพราะไม่มีเงินส่ง หากไม่มีสิทธิแล้วอาจต้องหยุดไปหาหมอและรับยาที่กินอยู่ประจำ นอกจากนี้ บางวันแทบไม่ได้กินข้าวเนื่องจากไม่มีเงิน ทุกวันนี้ได้เพื่อนบ้าน และเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียนนำเงินและอาหารมาให้บ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น ส่วนบ้านที่พักอยู่ขณะนี้ก็อาจถูกยึดได้ ส่วนการขอความช่วยเหลือก่อนหน้านี้เธอเคยโทรศัพท์ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี หมายเลข 1300 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่ได้รับคำตอบกลับมาว่า ให้ตรวจสอบสิทธิการช่วยเหลือจากประกันสังคม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไร จึงอยากขอวอนให้ภาครัฐและผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือ ให้เธอได้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อต่อสู้กับโรคร้ายต่อไป
ไม่สามารถทำงานหารายได้เลี้ยงชีพได้
สภาพน่าสงสารของผู้ป่วยขณะอาการกำเริบ
สำหรับผู้ที่ต่องการช่วยเหลือสามารถโอนเงินไปช่วยเหลือได้ที่ ธนาคารกสิกรไทย สาขาคลองสาน เลขที่บัญชี 068-2-01309-7 ชื่อบัญชี นางสาวชลลดา ใจบุญ
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/655287
0 Comment "สุดแสนรันทด! สาวป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง พ่อ-แม่ก็มาด่วนจาก ไร้ค่ารักษา"